วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

การวางแผนลดหย่อนภาษี ด้วยประกันชีวิต

สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาดูกันว่า การใช้ประกันชีวิต สำหรับลดหย่อนภาษี สามารถทำได้จริงหรือไม่? ทำไมบางคนบอกว่าดี บางคนบอกว่าไม่ดี บางคนก็บอกอย่าไปทำเลย เสียเวลาเปล่าๆ

ทุกวันนี้คุณเสียภาษีรึเปล่า?

ถ้าเงินได้คุณเกิน เดือนละ 20,000 บาท ยังไงก็ต้องเสียอยู่แล้วละครับ แต่คุณไม่ได้เดินโทงๆ ไปเสียเอง เนื่องจากเราทำงานให้บริษัท หรือหน่วยงาน โดยฝ่ายบัญชีเค้าได้ทำการ หักเงิน จากเงินเดือนเราส่วนหนึ่ง เพื่อกันไว้สำหรับเสียภาษี เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาปวดหัวตอนที่ต้องเสียภาษีตอนปลายปี ซึ่งถ้าเราอ่านในใบรับเงินเดือนเค้าจะเขียนว่า ภาษีหัก ณ. ที่จ่าย นั่นเอง  .... แต่ถ้าที่ทำงานคุณเค้าไม่ได้หักให้ แล้วคุณไม่ได้ไปยื่นเสียภาษี อันนี้ต้องระวังโดนภาษีย้อนหลัง เรียกว่าเจ็บไม่ธรรมดาเลยทีเดียว คนรู้จักผมเคยโดนมาแล้วพร้อมดอกเบี้ยด้วยนะ


ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเรื่องฐานภาษีกันก่อน

ตามประกาศล่าสุด ผู้ที่มีเงินได้เกิน 20,000 บาทต่อเดือน หรือเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี  (หลังจากหัก นู่นนี่นั่นแล้ว) ต้องเสียภาษีในอัตราส่วน 5 %  นั่นคือเต็มที่ไม่เกิน 7,500 บาท อาจจะดูไม่เยอะมาก ... แต่ปัญหาคือถ้าเรามีรายได้ต่อเดือนเพิ่มขึ้น อัตราภาษีที่ต้องเสียงภาษีมันดันขยับขึ้นด้วยนี่สิ เอาง่ายๆ ถ้ารายได้สุทธิของคุณคือ 1,000,000 บาท ต้องเสียที่อัตรา 20% ซึ่งก็คือเต็มที่ไม่เกิน 115,000 บาท .. เฮ้ย เยอะเอาเรื่องอยู่นะ  โหหาเงินแทบตาย หายไปกับภาษีซะเยอะเลย
เราสามารถประมาณฐานภาษีคร่าวๆ ได้ตามนี้

  • เงินเดือน   20,000+ เสียฐาน   5%
  • เงินเดือน   32,501+ เสียฐาน 10%
  • เงินเดือน   49,161+ เสียฐาน 15%
  • เงินเดือน   70,001+ เสียฐาน 20%
  • เงินเดือน   90,835+ เสียฐาน 25%
  • เงินเดือน 174,168+ เสียฐาน 30%
  • เงินเดือน 340,835+ เสียฐาน 35% 

**เป็นการประมาณการโดยคราวๆ เพื่อให้เห็นภาพ**


ยิ่งรายได้สุทธิเหลือน้อย ยิ่งจ่ายภาษีน้อย?

ใช่ครับ โดยวิธีการคำนวณคือเราจะนำรายได้ทั้งหมด มาหักค่าใช้จ่ายที่สรรพากรอนุญาตให้หัก ส่วนที่เหลือจากการหักทั้งหมดก็คือ รายได้สุทธินั่นเอง ดังนั้นง่ายๆ ถ้ายิ่งหักออกได้เยอะ รายรับสุทธิก็จะลด ยิ่งลดลงเยอะๆ ฐานภาษีก็จะต่ำ ยิ่งถ้าลดต่ำกว่า 150,000 ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีเลยทีเดียว

แล้วเมื่อไหร่ถึงจะไม่คุ้ม?
อย่างที่เห็นครับ ถ้าฐานภาษีที่คุณต้องเสียอยู่ที่ 5% แล้วต้องเสียภาษีที่ 5,000 บาท ดังนั้นหากต้องการขอคืนเงิน 5,000 บาท จากสรรพภากร เราต้องซื้อประกันที่ 100,000 บาท เพื่อให้ได้การหักตามสูตร คือ (100,000 x 5% = 5,000) การลดหย่อนด้วยวิธีการซื้อประกันชีวิต อาจจะให้ผลไม่เต็มประสิทธิภาพ และอาจดูเหนื่อยในการจ่ายเบี้ยประกัน เพราะถ้าเอาให้เต็มวงเงินที่ยอมให้ลดหย่อนอาจต้องแบ่งเก็บเงินไว้เดือนละประมาณ 9,000 ในการออมกับประกัน (9,000 x 12 = 108,000) เข้าขั้นกินแกลบกันเลยทีเดียว อาจเปลี่ยนเป็นการทำประกันเพื่อลดหย่อนแต่พองาม เน้นที่ความคุ้มครอง และประกันความเสี่ยงแทน ^_^


แล้วเค้าให้หักอะไรได้บ้างละ ...เริ่มมีความหวัง?

สิ่งที่หักได้คือ จากเงินได้ทุกประเภท -> หัก -> เงินได้ที่ได้รับการยกเว้น -> หัก -> ค่าใช้จ่าย -> หัก ->  ค่าลดหย่อน -> หัก -> เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา -> หัก -> เงินบริจาค -> คงเหลือ -> ถึงจะเป็นรายได้สุทธิ
** ค่าลดหย่อนประกอบด้วย กองทุน LTF, RMF และประกันชีวิต

การทำประกันเพื่อลดหย่อนภาษี เป็นการเลี่ยงภาษีหรือไม่?

คำตอบคือไม่ครับ เพราะเป็นการใช้สิทธลดหย่อนตามกฏหมาย โดยถ้าเราศึกษาให้ดี จะพบว่าสามารถลดหย่อนได้เกือบเท่ากับอัตราที่เสียภาษี ของเงินภาษีที่ต้องจ่ายเลยทีเดียว เช่นของก่อนหน้านี้ ถ้าคุณต้องเสียภาษีที่ 115,000 ถ้าทำประกันจ่ายเบี้ยที่ 100,000 บาทต่อปี (เต็มจำนวนที่สรรพากรอนุญาต) คุณสามารถประหยัดเงินที่ต้องจ่ายหรือขอคืนได้ถึง 20% ของ 115,000 นั่นคือ  23,000 บาท นี่ยังไม่รวมถึงความคุ้มครองของกรมธรรม์ ที่คุณจะได้รับอีกนะยังไงก็คุ้ม

สรุป

ว่ากันมาซะยาว วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ หากท่านใดที่คิดว่าฐานภาษีอยู่ในช่วงเกิน 15% แล้วเริ่มอยากเปลี่ยนภาษี จากรายจ่าย ให้กลายเป็นรายได้ (ขอคืนภาษี) ลองโทรมาปรึกษากันได้ครับ เรามีตัวแทนมืออาชีพที่จะช่วยคุณวางแผนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ


ติดต่อตัวแทนมืออาชีพ: 085-802-2699  คุณโรส 
Line ID: 0858022699


"ไม่มีอะไรจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นได้ นอกจากการวางแผนด้านการเงินและการใช้ชีวิต"





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น